เทศน์เช้า

เทศน์เช้า

๑๔ ก.ค. ๒๕๖๒

เทศน์เช้า วันที่ ๑๔ กรกฎาคม ๒๕๖๒

พระอาจารย์สงบ มนสฺสนฺโต


ณ วัดป่าสันติพุทธาราม (วัดป่าเขาแดงใหญ่) ต.หนองกวาง อ.โพธาราม จ.ราชบุรี


ตั้งใจฟังธรรมะ ตั้งใจฟังธรรม ฟังธรรมเพราะว่าธรรมะเป็นธรรมะขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เราเป็นชาวพุทธๆ พ่อแม่ปู่ย่าตายายของเรานับถือพระพุทธศาสนาๆ

ดูสิ ในโลกนี้นะ ทุกๆ ชาติเขาจะมีศาสนาของเขาๆ ปู่ย่าตายายของเราท่านมีความฉลาด ท่านพยายามคุ้มครองดูแลรักษาศาสนามาๆ นับถือศาสนามาเพื่ออะไร เพื่อความสุขในครอบครัวของตนไง

พ่อแม่ปู่ย่าตายายในครอบครัวของเรา ตามสถานะ ปู่ย่าตายายก็ทำหน้าที่ของปู่ย่าตายาย พ่อแม่ก็ทำหน้าที่ของพ่อแม่ลูก หลานก็พยายามศึกษา พยายามค้นคว้า พยายามทำตัวให้ดีขึ้นมา ให้ในครอบครัวของตนมีความสุขความสงบไง

ชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

ถ้าเป็นชาติ ชาติ สิ่งที่เป็นศาสนา ลัทธิศาสนาอื่นเวลาเขาเอาศาสนามาเป็นในชีวิตประจำวันของเขาเลย เขาดูแลของเขา เขารักษาของเขา เขาศึกษาของเขา เขาค้นคว้าของเขาเพื่ออะไร เพื่อให้อนุชนรุ่นหลังของเขามันมีศาสนาประจำใจของเขา ถ้ามีศาสนาประจำใจของเขา เขาอบรมสั่งสอนได้ง่าย ชาติของเขาปกครองกันได้ง่าย

ของเรา เรามีพระพุทธศาสนาเป็นศาสนาประจำชาติ ประจำชาติเราก็เห่อเหิมทะเยอทะยานกัน ดิ้นรนกันจะให้เป็นศาสนาประจำชาติ

หลวงตาพระมหาบัวท่านบอกว่า ให้มีศาสนาประจำหัวใจ

ถ้ามีศาสนาประจำหัวใจนะ ในบ้านของตนมีความสุขความสงบความระงับ พ่อแม่ปู่ย่าตายายของเราก็มีศาสนาประจำหัวใจๆ ท่านมีศีลมีธรรมของท่าน ท่านมีศีลมีธรรมแล้วอบรมสั่งสอนลูกหลาน ลูกหลานก็เคารพบูชาเพราะพ่อแม่อยู่ในศีลในธรรม ถ้าพ่อแม่กินเหล้าเมายา พ่อแม่เล่นการพนัน พ่อแม่ทำแต่ความผิด อบรมสั่งสอนลูก ลูกมันก็ไม่ฟังๆ

ลูกมีตัวอย่างที่ดี มีตัวอย่างพ่อแม่ที่ดีเป็นแบบอย่าง พอเป็นแบบอย่างขึ้นมา ลูกมันก็จะฝึกหัดของมัน เวลาทำสิ่งใด ทำเพราะอะไร เพราะแม่เป็นตัวอย่าง พ่อเป็นตัวอย่าง ปู่ย่าตายายเป็นตัวอย่าง

ถ้าเป็นตัวอย่างสิ่งที่ดีงาม สิ่งที่งามมันมาจากไหน

มันมาจากศีลจากธรรมไง ถ้ามาจากศีลจากธรรม ศีล

ทุกคนเถียงกันว่าคนนั้นเป็นคนดี บ้านนั้นเป็นบ้านที่ดีงาม บ้านนั้นเป็นบ้านที่ต่ำต้อย

เวลาธรรมะขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าท่านวัดกันด้วยศีล

ปาณาติปาตาฯ ไม่ทำร้ายใคร ไม่ทำให้ใครบาดเจ็บ ไม่ทำสิ่งต่างๆ ทั้งสิ้น

อทินนาทานฯ เราไม่หยิบของที่มีเจ้าของที่เขาลืมไว้ สิ่งใดที่มีเจ้าของเขาทำตกหล่นไว้ที่ไหน เราเก็บได้เราก็ไปคืนเจ้าของเขา

เราไม่ผิดลูกเมียของใครทั้งสิ้น ลูกหลานของเราเป็นลูกหลานที่เด็กน้อย เด็กน้อยที่ไม่ทันผู้ใหญ่มีความเสียหาย เราคุ้มครอง เราดูแลบุตรหลานของเรา บุตรหลานของเราไม่ให้คนเขามาหลอกมาลวง

เราไม่มุสา เราไม่พูดปด เราไม่หลอกลวง เวลาเราพูดเราก็จะพูดเพื่อเป็นความจริงทั้งสิ้น

เวลาเราไม่ดื่มสุราเมรัย เราไม่ทานเครื่องของมึนเมาขึ้นมา เราเป็นตัวอย่างที่ดี

เวลาอบรมสั่งสอนลูกหลานสั่งสอนให้เป็นคนดี ไอ้พ่อแม่ไม่เป็นตัวอย่างที่ดีแล้วลูกหลานมันจะดีขึ้มาได้อย่างไรล่ะ

ถ้ามันจะดีได้ คนนั้นบ้านนู้นที่ดีงาม บ้านนี้ดีงาม ดีงามตัดสินด้วยศีล เอาศีลมาเป็นบรรทัดฐาน อย่ามาถกเถียงว่าใครดีกว่าใคร

ไม่มีใครดีกว่าใคร

เวลาหลวงปู่ฝั้นท่านบอก ศีล ๕ ทุกคนมีศีล ๕ ในชีวิตประจำวันอยู่แล้ว เพราะ ๑ ศีรษะ ๒ แขน ๒ เท้า ศีล ๕ ศีล ๕ คือมนุษย์นี่แหละ

เวลาองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าบัญญัติศีลขึ้นมา บัญญัติศีลขึ้นมาเพื่อความดีงามของมนุษย์ไง ถ้ามนุษย์ของเรามันปกติของมัน มันก็มีความสมบูรณ์ในอวัยวะอยู่แล้ว ก็มีศีล ๕

เวลาศีล ๕ ศีล ๕ ขึ้นมา แล้วศีล ๕ มันคืออะไร

ศีล ๕ ก็อยู่ในตำรา ศีล ๕ ก็อยู่ในพระไตรปิฎก ศีล ๕ อยู่ในตู้ อยู่ในหีบ อยู่บนหิ้งพระ ศีล ๕ เอาไว้กราบไว้บูชา ตัวเองจะสำมะเลเทเมาอย่างไรก็ได้ มันไม่ได้ดัดแปลงตนไง

ถ้ามันดัดแปลงตน เราดัดแปลงหัวใจของเราๆ ที่เราไปวัดไปวา โยมอุตส่าห์บากบั่นกันมา เดินทางกันมา มาเพื่ออะไร

ก็มาเพื่อหัวใจของตนไง มาเพื่อเตือนสติหัวใจของตน หัวใจของตน หัวใจของตนเห็นไหม

เวลาคนล้มลุกคลุกคลานมีแต่ความทุกข์ความยากทั้งนั้นน่ะ เวลาเราล้มลุกคลุกคลานขึ้นมา คนก็ปกป้องดูแลรักษา เวลาล้มลุกคลุกคลานขึ้นมาเขาใช้ยาภายนอก ล้มก็ทายาแดง เจ็บไข้ได้ป่วยขึ้นมาเอาน้ำลูบทำความสะอาด ยาภายนอกๆ

ถ้ายาภายนอก เราทำบุญกุศลของเรา สิ่งที่เราหามามันหามาด้วยอะไร น้ำพักน้ำแรงทั้งนั้นนะ เราทำหน้าที่การงานมาเราถึงมีปัจจัยเครื่องอาศัย ปัจจัยนี้จะเป็นอะไร เป็นวัตถุนี้มาเพื่อบุญกุศลของเรานะ

เวลาทำบุญกุศล เราใช้น้ำพักน้ำแรงเราทั้งสิ้น แล้วน้ำพักน้ำแรงนี้เราเสียสละ เสียสละเพื่ออะไร

เป็นวัตถุใครก็รัก ใครก็แสวงหา ศีล ๕ อทินนาฯ เราไม่หยิบฉวยของใครทั้งสิ้น แล้วของที่เราได้มา เราได้มาด้วยความสะอาดบริสุทธิ์ในหัวใจของเรา มันเป็นของของเรา เราได้มาด้วยน้ำพักน้ำแรง ได้มาด้วยเป็นธรรมาภิบาล ได้มาด้วยความถูกต้องดีงาม เราก็ต้องรักษาสิ

ธรรมะขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ตระกูลใดรู้จักซ่อมบำรุงรักษาของใช้ของสอย ประหยัดมัธยัสถ์ ตระกูลนั้นจะมีความมั่นคง ตระกูลใดมีแต่ใช้สอยแล้วไม่บำรุงรักษา ไม่ดูแลรักษา ตระกูลนั้นจะไม่มั่นคง

ทรัพย์สมบัติของเราที่เราแสวงหามา ของของเรา เราไม่เก็บรักษาของเรา มันจะอยู่กับเราได้อย่างไร เราต้องรู้จักประหยัด รู้จักมัธยัสถ์ รู้จักรักษา บำรุงรักษาทรัพย์สมบัติของเรา

แล้วอยู่ดีๆ เราจะไปถวายคนนู้น เราจะให้คนนี้ เราให้ ให้ด้วยอะไร

ก็เราให้ด้วยน้ำใจไง นี่ไง หัวใจ

สิ่งที่เราแสวงหานี้มันเป็นยาทาภายนอก ยาทาภายนอกไง ทาน เวลาเราไปวัดไปวาขึ้นมา เราจะรักษาศีล เราจะประพฤติปฏิบัติขึ้นมา เราจะหายาภายใน

เวลาหายาภายใน เวลาไปซื้อยามาแล้ว ยาใช้ภายนอก ห้ามกิน ห้ามเอาเข้าร่างกาย เข้าไปร่างกายตาย ยาใช้ภายนอกห้ามใช้ภายใน ยาภายในๆ เราจะซื้อยามาเพื่อรักษาโรคภายในของเรา

กิเลสตัณหาความทะยานอยาก เวลามันทุกข์มันยากมันบีบคั้นหัวใจของเรา ความตึงเครียดในครอบครัวของเรา เวลาพูดกันแล้วไม่รู้เรื่อง พูดกันแล้วไม่เข้าใจต่างๆ เลย ทำไมไม่มีเหตุไม่มีผลเลย มันเป็นทิฏฐิเป็นมานะการเอาชนะคะคาน ยิ่งเป็นพ่อเป็นแม่ขึ้นมา ลูกเป็นสมบัติของเราๆ ทำอะไรก็ได้ ลูกต้องเป็นของเราไง ไอ้ลูกก็บอกว่าพ่อแม่ไม่รักๆ

มันเป็นยาภายในๆ ยาภายในขึ้นมา เรื่องของเวรของกรรมๆ

พระโพธิสัตว์ องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้านะ ๔ อสงไขย ๘ อสงไขย ๑๖ อสงไขย นี่ไง เวลาสร้างบุญกุศลมา สร้างบุญกุศลมาขนาดนั้นนะ เวลาสร้างบุญกุศลมาเพื่ออะไร

พัฒนาพันธุกรรมของจิตๆ เวลาผู้ที่ปฏิบัติไปแล้วมันจะรู้ไง ทำไมเราอยากจะประพฤติปฏิบัติ เราจะเอาใจของเราไว้ในหัวใจของเรา เราก็ศึกษาธรรมะขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ธรรมะขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า มหามกุฏฯ มหาจุฬาฯ สอนทั้งนั้นน่ะ ในตำรับตำรา ในคอมพิวเตอร์เราก็ศึกษาแล้วเราก็รู้ทุกเรื่องเลย ความดีความชั่วรู้ทุกอย่างเลย แต่ทำไมเราควบคุมตัวเราไม่ได้ ความดีความงามเราก็รู้ อะไรผิดอะไรถูกก็รู้ รู้ทั้งนั้น รู้ทั้งนั้นเลย แต่ทำไม่ได้

นี่ไง ธรรมโอสถๆ เห็นไหม ตั้งแต่ทาน แล้วเรื่องของศีล ศีลคือความปกติของใจ เราพยายามรักษาของเรา พยายามดูแลของเรา ถ้ามันปกติแล้วมันไม่ฟุ้งไม่ซ่าน เวลาไม่ฟุ้งไม่ซ่าน จะเดินจงกรม นั่งสมาธิภาวนาขึ้นมา มันก็สะดวกขึ้นๆ

ไอ้ที่ว่ารู้ทุกเรื่องแล้วทำไม่ได้ๆ ทำไม่ได้เพราะไม่ได้ฝึกหัด ทำไม่ได้เพราะจริตนิสัย โทสจริต โมหจริต โลภจริต เวลาจริตนิสัยมันแตกต่างกันไปๆ ทุกคนก็ปรารถนาความสุขทั้งนั้น ถ้าปรารถนาความสุขทั้งนั้น มันก็ไม่มีสิ่งใดเลอค่าไปกว่าศีล สมาธิ ปัญญาหรอก มันไม่มีสิ่งใดเลอค่ากว่าธรรมะขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าหรอก

สิ่งที่เราแสวงหามาๆ ถ้าเรามีสติปัญญาเสียหน่อย เราแสวงหามามากน้อยแค่ไหนเราก็ใช้แค่ปากแค่ท้องเท่านั้น สิ่งที่มาเป็นภาระรุงรังทั้งสิ้น ทรัพย์ที่เราหาได้มา เราไม่พลัดพรากจากเขา เขาก็ต้องพลัดพรากจากเราโดยธรรมดา เราจับจ่ายใช้สอยไป เขาพลัดพรากจากเราไป ถึงเวลาเราต้องสิ้นชีวิตไป เราต้องพลัดพรากจากเขาไป

ของที่เราแสวงหามา เราเป็นเจ้าของมันเสียเอง เราต้องเป็นเจ้านายมัน เราต้องเป็นผู้รักษามัน อย่าให้มันกดขี่ข่มเหงเรา

ในธรรมะขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เวลาองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าธุดงค์ไป มันมีโจรคนหนึ่งไปปล้นมา แล้วโจรมันก็ทิ้งทรัพย์สมบัติไว้ องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าภิกขาจารจะออกบิณฑบาตไปกับพระอานนท์ องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าชี้เลย “อานนท์ นั่นอสรพิษๆ”

เงินทองในถุงบอก อสรพิษๆ เลย ชี้เลยนะ เงินทองนี้เป็นอสรพิษ มันกัดหัวใจของคน ทั้งๆ ที่เราต้องแสวงหามาเพื่อปัจจัยเครื่องอาศัยนี่แหละ แต่ถ้าเราเป็นธรรมๆ ขึ้นมา เราเป็นเจ้านายมัน เรารักษาไม่ให้มันเป็นอสรพิษ ไม่ให้มันกัดเรา

แล้วเวลาอสรพิษๆ องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าก็เดินผ่านไป พอเดินผ่านไปนะ ไอ้เจ้าหน้าที่เขาไล่กรวดโจรมาน่ะ เขาไปถึง มันไปทิ้งไว้ที่คันนา ชาวนายังทำนาอยู่นะ ไปถึงเขาจับเลย จนด้วยหลักฐาน เงินถุงเงินทิ้งอยู่นี่ไง จับชาวนาไป พอจับชาวนาไปมันไม่แก้ตัว มันพูดอยู่คำเดียว “อสรพิษๆ”

เวลาไปถึงพระเจ้าพิมพิสารเป็นผู้ไต่สวน พอไต่สวนขึ้นมา ทำไมเธอไม่แก้ตัวล่ะ เธอพูดแต่อสรพิษๆ

นี่เพราะมันเห็นโทษไง พออสรพิษ ทำไมพูดอย่างนั้นน่ะ

เพราะว่าเช้ามา มาทำนา เห็นถุงอยู่นี่ ถุงอยู่แล้ว แล้วกำลังทำนาอยู่ เห็นองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าภิกขาจารจะออกไปบิณฑบาต องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าบอกอสรพิษๆ

ก็เป็นลูกศิษย์ไง ก็ถือด้ามจอบมาจะมาตีอสรพิษ มาถึงมันไม่ใช่ มันเป็นถุงเงิน

อสรพิษๆ คำว่า “อสรพิษ” ก็คิดว่ามันเป็นงู เป็นสัตว์มีพิษที่จะมากัดองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า จะมาคุ้มครองดูแล จะมาปกป้องนะ ถือด้ามจอบมาเลยจะตีอสรพิษ มาถึงมันเป็นถุงเงินน่ะ งงเลยนะ ก็เลยท่องไว้ไง ก็เลยว่าอสรพิษๆ เพราะมันกินใจมาก

เวลาเขาจับไป ทำไมเธอพูดแต่อสรพิษๆ ล่ะ

เพราะว่าข้าพเจ้าเช้ามาเป็นอย่างนั้น

ให้อำมาตย์ไปถามองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าว่าพูดจริงไหม จริง แล้วมันเป็นเรื่องจริงทั้งนั้นน่ะ ฉะนั้น ชาวนานั้นเลยหลุดจากความเป็นนักโทษ พ้นจากโทษไง เพราะไม่ได้ทำ

นี่ไง อสรพิษไง มันให้โทษไปทั้งนั้นถ้าคนไม่รู้จักใช้ ไม่รู้จักดูแลรักษามัน มันจะเป็นประโยชน์มากแต่ผู้ที่เป็นเจ้านายมันรู้จักใช้มันไง

เราแสวงหามาด้วยน้ำพักน้ำแรงทั้งสิ้น เราดื่ม เรากิน เราใช้ไปมันก็แค่ปากแค่ท้องเท่านั้นน่ะ แค่ปากแค่ท้องเพื่อดำรงชีพ เวลาคนเวลาทุกข์ยากขึ้นมา เราทรัพย์จางๆ ทรัพย์จางก็ขวนขวาย ทรัพย์จางขึ้นมานะ ลงอินเทอร์เน็ตเดี๋ยวคนบริจาคเต็มเลย ทุกคนอยากช่วยเหลือ

คนที่เป็นคนดี คนที่มันตกทุกข์ได้ยาก ทุกๆ คนอยากช่วยเหลือ ไอ้ของเรา เราช่วยเหลือตัวของเราเอง เราจะช่วยเหลือตัวของเราเองไง เวลาทรัพย์จาง ทรัพย์จางก็มีสติปัญญารักษาของเราไง รักษาของเราเพื่อประโยชน์กับเราไง

ถ้าประโยชน์กับเราขึ้นมา เราได้มาแล้ว แล้วถ้ามันเป็นธรรมๆ ขึ้นมา เวลาตกทุกข์ได้ยากมันมีคนช่วยเหลือเจือจานเรา เวลาเรามีกำลังขึ้นมา เราสามารถช่วยเหลือเจือจานกันได้ เราก็จะช่วยเหลือเจือจานกันต่อไป ถ้าช่วยเหลือเจือจานกันต่อไป นี่ระดับของทานไง ระดับของสังคมไง ถ้าสังคมดีขึ้น เรามีเมตตา เรามีสติปัญญาเพื่อความเข้มแข็ง เพื่อพลังใจของเรา

ใจของคนๆ นะ ใจของคนที่ดีงามมันจะช่วยเหลือเจือจานคนอื่น มันจะดูแลคนอื่น เห็นคนอื่นมีความสำคัญมากกว่าตน แต่ตนสำคัญมากกว่าเพราะอะไร เพราะตนฉลาดกว่าเขา

คนอย่างนั้นเขาจะมีพรรคพวกเพื่อนฝูงล้อมหน้าล้อมหลัง คนอย่างนั้นจะมีคนคุ้มครองดูแลเขา คนที่เป็นคนดีเขาจะมีเภทภัยต่างๆ จะมีคนช่วยเหลือเจือจานเขาตลอด ถ้าคนคนนั้นเป็นคนดี

คนคนนั้นเป็นคนหนักแผ่นดิน คนคนนั้นเป็นคนที่เห็นแก่ตัว คนคนนั้นเป็นพาลชนในชุมชนนั้น ถ้าเขามีภัยพิบัติ ไอ้พวกชาวบ้านตบมือเฮ ดีใจ แผ่นดินมันจะสูงขึ้นๆ

นี่ไง นี่พูดถึงว่าถ้าเราจะพัฒนาหัวใจของเรา เราจะเสียสละของเราเพื่อหัวใจของเราให้ใจของเราดีขึ้น พอใจของเราดีขึ้น เรามาวัดมาวา สิ่งที่เราทำมันก็เป็นประโยชน์กับในภพชาตินี้ ในภพชาตินี้เราเกิดเป็นมนุษย์ เกิดมาพบพระพุทธศาสนา พระพุทธศาสนาสอนถึงพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ รัตนตรัยเป็นที่พึ่งที่อาศัยนะ

สัจธรรมนะ เวลาสอน สอนถึงอริยสัจ แต่สอนอริยสัจ กว่าที่จะเป็นอริยสัจขึ้นมาได้เราต้องมีสติปัญญาของเรา อย่างเช่นเราต้องมีศรัทธาความเชื่อ มีศรัทธาความเชื่อขึ้นมาศึกษาธรรมะขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ถ้ามีธรรมะขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เวลาตรึกในธรรมๆ เริ่มต้นตรึกในธรรมนั่นใช้ปัญญา ปัญญาอย่างนั้นถ้าจิตใจของเรามันเกาะ

เวลาเราหายใจเข้านึกพุท หายใจออกนึกโธ พุทธานุสติ จิตใจนี้เกาะเกี่ยวอยู่กับองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า พุทโธๆ จนพุทโธไม่ได้ จนมันเป็นพุทโธเสียเอง

พุทโธๆ เป็นคำบริกรรม พุทโธเป็นคำท่องบ่น เป็นคำท่องบ่นให้ใจมันเกาะพุทโธไว้ อย่าให้มันคิดเป็นอิสระของมัน ถ้ามันคิดอิสระของมัน มันก็คิดตามแต่ความพอใจมัน

ถ้ามันเป็นพาลชนมันคิดแบบพาล ถ้ามันเป็นปัญญาชนมันคิดแบบปัญญา ถ้ามันคิดอย่างไรก็แล้วแต่มันก็เป็นความคิด มันก็ยังไม่ใช่เป็นตัวมัน เราก็ยังหายใจเข้านึกพุท หายใจต่อเนื่องไปๆ มีคำบริกรรม

เวลามันเป็นเสียเอง ไม่ต้องหายใจ ไม่ต้องกำหนด ไม่ต้องบริกรรม เพราะมันบริกรรมไม่ได้ เพราะตัวมันเอง ถ้าตัวมันเองเป็นอิสระโดยตัวมันเองแล้วเป็นสัมมาสมาธิ เห็นไหม เราจะค้นหายาภายในๆ

ยาภายนอกเขาใช้สำหรับยาภายนอก แม้แต่ภายนอกก็เป็นปัญหาสังคม เป็นปัญหาของชาติ เป็นปัญหาของประเทศ เป็นปัญหาของชุมชนของเรา ถ้าเป็นปัญหาชุมชนของเรา เราทำเพื่อความดีของเรา

ถ้าเอาจริงๆ แล้วองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าปรารถนารื้อสัตว์ขนสัตว์ เวลารื้อสัตว์ขนสัตว์ รื้อหัวใจของสัตว์โลก เวลารื้อหัวใจของสัตว์โลก สาวกสาวกะผู้ที่ได้ยินได้ฟังแล้วประพฤติปฏิบัติเป็นความจริงแล้ว ผู้ใดเห็นธรรม ผู้นั้นเห็นตถาคต ถ้าเห็นตถาคตแล้วจะกราบองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าด้วยหัวใจ

เพราะธรรมะที่ได้มานั้นได้มาจากไหน

ให้เราค้นคว้าจนตาย ค้นคว้าอย่างไรก็ค้นคว้าไม่ได้ ค้นคว้าไม่ถึงหรอก มันอยู่ลึกเกินไป แล้วลึกที่ไหน ลึกในใจนี้ เส้นผมบังภูเขามองไม่เห็นหรอก เพราะอะไร

เพราะธรรมชาติของมัน มันส่งออก พลังงานมันส่งออก ส่งออกคือความคิด แล้วก็เอาความคิดนั้นเป็นธรรม เอาความคิดนั้นเป็นสัจจะเป็นความจริง ไม่ใช่

แต่มันเป็นธรรมชาติของมนุษย์ไง เป็นธรรมชาติของพวกเราไง มันถึงต้องหายใจเข้านึกพุท หายใจออกนึกโธนี่ไง

หายใจเข้านึกพุท หายใจออกนึกโธ เวลามันสงบระงับเข้ามามันเป็นตัวของมันไง แล้วเป็นตัวของมัน มันก็เปลือกส้มไง ส้มกับเปลือกส้ม เนื้อส้มมันต้องมีเปลือกส้มอยู่ ความรู้สึกนึกคิดคือเปลือก เรามันธรรมะเปลือกๆ แล้วธรรมะภายนอกล่ะ แล้วก็ แหม! อลังการ อลังการกันมาก

ความเป็นอลังการนั้นเป็นพิธีกรรมทั้งสิ้น พิธีกรรมนั้นบังธรรมะทั้งหมด

ธรรมะขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าไร้ร่องรอย ไม่มีสิ่งใดเลย ฉะนั้น เวลาครูบาอาจารย์ของเรา หลวงปู่เสาร์ หลวงปู่มั่นท่านถึงมีข้อวัตรปฏิบัติขึ้นมา เพราะร่องรอยนั้นเป็นทางเข้าไปสู่หัวใจของตน

แล้วทางเข้าสู่หัวใจของตนก็มาตีโพยตีพาย แล้วก็ว่ามันลำบากลำบน

ท้องนะ อยู่ในท้อง ๙ เดือนลำบากไหม ออกมาจากช่องแคบ ตายคาก็มี เกิดมาตายตอนเด็กก็มี เกิดมาตายตอนวัยรุ่นก็มี เกิดมาตายตอนแก่เฒ่าก็มี นี่มันทุกข์ไหมล่ะ แล้วสิ่งที่มันจะแก้ แก้ทุกข์ แก้ทุกข์เอาอะไรมาแก้ล่ะ

มันต้องแก้มาจากภายใน แก้มาจากจิตของตนไง จิตของตน เห็นไหม องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าถึงปลูกศรัทธาไง ให้มีศรัทธาความเชื่อ มีศรัทธาความเชื่อแล้วค้นคว้า

เวลาปฏิบัติแล้ว เวลาปฏิบัตินะ กาลามสูตร ไม่ให้เชื่อ ความเชื่อแก้กิเลสไม่ได้ ความเชื่อไม่สามารถถอดถอนกิเลสตัณหาความทะยานอยากหรอก ความเชื่อมันยาภายนอก ยาภายนอกที่เราขวนขวายกันมาอยู่นี่ไง

แต่รัฐบาล ชุมชนเขาก็ภูมิใจนะ ถ้าประชาชนเข้าวัดมาก ประชาชนเข้าไปสู่ศีลสู่ธรรม มันเป็นความสงบร่มเย็นของชาติ มันเป็นความสงบร่มเย็นของชุมชนเรานะ คนเรามีน้ำใจต่อกัน ไว้วางใจกันได้ สังคมที่คุยกันรู้เรื่องมันมีความสุขมาก

สังคมที่มีแต่ความขัดแย้ง สังคมที่มีแต่ความจับผิด จ้องจับผิดคนอื่น

มันไม่ต้องไปจับผิดใคร ถ้าใครเขาทำความดี สาธุ มันจะเป็นความดีของเด็กน้อยก็เป็นความดีของเด็กน้อย ถ้าเขาฝึกหัดภาวนาก็สาธุ ให้เขาทำของเขาไป แต่ถ้าบอกว่าเขาได้มรรคได้ผล ยังไม่ใช่

ถ้าได้มรรคได้ผลของเขา เขาจะเม้มปากแล้วนั่งลง แล้วไม่อยากพูดกับใครเลย เพราะพูดออกไปเขาจะหาว่าเอ็งบ้า เอ็งบ้า

เวลาธรรมะขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้านะ กายกับใจๆ พูดถึงให้รักษาหัวใจๆ

เขาบอกว่า “เอ็งคิดเอาสิ แล้วไม่ต้องใช้วัตถุ ปัจจัยเครื่องอาศัยไม่ต้อง เอ็งคิดเอาสิ” นี่เวลาพาลชนมันพูด “นึกเอาสิ ถ้าเป็นนามธรรม นามธรรมก็คิดว่าเราเป็นเศรษฐีแล้วร่ำรวย แล้วเราก็อยู่กระต๊อบ” ไม่มี ไอ้นั่นเขาพูด

แต่เอ็งไม่เคยเห็นเศรษฐีธรรม เศรษฐีธรรม ดูสิ หลวงปู่แหวน ท่านเอาแบงก์ ๕๐๐ มวนบุหรี่เผาทิ้งเลย เศษกระดาษ จะมีก็ได้ จะไม่มีก็ได้

เศษกระดาษโลกจำเป็นต้องมี มีเพื่อแลกเปลี่ยน แต่ครูบาอาจารย์ของเรานะ บิณฑบาตมา บิณฑบาตมาเป็นสัมมาอาชีวะถูกต้องดีงาม ท่านยังฉันด้วยมักน้อยสันโดษ พอประมาณ

ฉันเข้าไปแล้วเป็นโรคเป็นภัย ฉันเข้าไปแล้วมันเจ็บไข้ได้ป่วย ท่านยังรู้จักประมาณ ปะฏิสังขา โยนิโสฯ พิจารณาก่อนฉัน แล้วไอ้กระดาษมันจะมีค่าอะไร มันไม่มีค่าหรอก แล้วมันอยู่ข้างนอก แล้วมันไม่เป็นอสรพิษ มันไม่กัด

ไอ้เราแสวงหามาด้วยปัจจัยเครื่องอาศัยนะ เวลาทรัพย์จางตกทุกข์ได้ยาก นั่นเป็นหน้าที่ของเรา นิ้วมือของคนไม่เท่ากัน วาสนาของคนไม่เท่ากัน สิ่งที่ไม่เท่ากันๆ มันเป็นอำนาจวาสนา แต่เราต้องมีสัจจะ มีพลังงานของเรา มีหัวใจของเรา มีพุทธะ

จะทุกข์จนเข็ญใจอย่างใดก็จะทำความดีเว้ย จะร่ำรวยมั่งมีศรีสุขอย่างใด เราก็ต้องมีใจเอื้ออาทรกับคนที่เขาทุกข์ยาก ถ้าจิตใจมันมีหลักมีเกณฑ์ของมัน ถ้าจิตใจมีหลักมีเกณฑ์มันจะรักษาแต่คุณงามความดี ถ้าทำคุณงามความดี คนมีศีลจะเข้าสังคมไหนด้วยความองอาจ

คนทุศีลเข้าไปด้วยความกระมิดกระเมี้ยน หลบๆ ซ่อนๆ กลัวเขาจะลากไส้ แต่ถ้ามันถูกต้องดีงามองอาจกล้าหาญ สังคมไหนก็ได้

แต่ผู้ที่มีบุญมีกุศลมีคุณธรรมในหัวใจท่านไม่ออกมาเรื่องโลกหรอก เรื่องโลกมันเป็นเรื่องโลกๆ หลวงตาท่านบอกว่าเรื่องขี้ ขี้โลภ ขี้โกรธ ขี้หลง แม้แต่จะชิงความดีกัน อวดดีอวดเด่นเพื่อเหยียบย่ำกัน ความดีก็เอามาเป็นขี้ เอามาแย่งชิง เอามาทำลายกัน

ฉะนั้น คนที่เขามีคุณธรรมในใจเขาไม่ไปหรอก เขารู้ เขารู้จักขี้ เขาไม่ออกไปสูดขี้ เขาจะสูดธรรมในใจของเขา แล้วสิ่งนั้นสิ่งที่ประเสริฐ นี่เวลาธรรมะขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าสูงส่งอย่างนั้น

ฉะนั้น ที่เราแสวงหากันนี้ ที่เรามานี่ ยาภายนอกเราก็แสวงหาเรื่องทาน ยาภายใน มีสติ มีสมาธิ มีปัญญา รักษาหัวใจของเราไว้อย่าให้มันเดือดร้อน อย่าให้มันทุกข์มากจนเกินไป

ทุกข์นี้เป็นอริยสัจ ทุกข์นี้เป็นความจริง

มันมีทุกข์มาก ทุกข์น้อย แล้วก็ไม่ทุกข์ทั้งนั้นน่ะ ความสุข ความสุขจิตสงบแล้วมันก็มีความสุขของมัน แล้วความสุขนี้มันเป็นปัจจัตตัง เป็นสันทิฏฐิโก เป็นสมบัติส่วนใจนั้น ไม่ต้องไปอวดใครหรอก ไม่มีใครรู้กับเราหรอก เราจะไปโม้ “โอ้โฮ! เมื่อคืนภาวนาดี๊ดี” วันนี้ทุกข์อีกแล้ว

นี่มันเป็นสมบัติส่วนตน เป็นปัจจัตตัง เป็นสันทิฏฐิโก องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าสอนให้เราชนะกิเลสในใจของเรา ให้ควบคุมกิเลสในใจของเราเพื่อความสุขความสงบในชีวิตเรา เอวัง